รวม 10 จุดสำคัญที่ต้องเช็กตอนตรวจคอนโด เซ็นรับโอนแบบหายห่วง
ก่อนที่จะได้คอนโดสักหนึ่งห้องมาครอบครองเป็นของตัวเอง ต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ จัดการเอกสารที่เกี่ยวข้องและสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำก่อนรับโอนกรรมสิทธิ์ คือ การตรวจคอนโด ก่อนเซ็นรับโอน ซึ่งเป็นการยอมรับคุณภาพงานก่อสร้างที่โครงการจะส่งมอบให้กับเรา โดยแต่ละโครงการจะกำหนดให้มีการตรวจคอนโดไม่เกิน 2 หรือ 3 ครั้ง
ทั้งนี้ เจ้าของคอนโดมือใหม่หลายคนอาจจะไม่แน่ใจว่าต้องตรวจจุดไหนบ้าง หรือกังวลว่าจะพลาดจุดใดจุดหนึ่งไป ดังนั้นในบทความนี้ มาดูกันว่ามีจุดใดบ้างที่ต้องใส่ใจในการตรวจคอนโดก่อนรับโอน ป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในภายหลัง
เตรียมอุปกรณ์อะไรดี ก่อนตรวจคอนโดด้วยตัวเอง
1. สมุดจดและกระดาษโน๊ต
เตรียมไว้สำหรับจดรายละเอียดจุดต่าง ๆ ที่ต้องการให้ซ่อมแซม หรือจะจดลงแอปโน๊ตในสมาร์ตโฟนก็ได้ ส่วนกระดาษโน๊ตหรือที่เรียกกันว่า “โพสต์อิท” (Post-it) มีประโยชน์ในการใช้แปะจุดที่ต้องการให้ซ่อมแซม เพื่อให้ช่างเห็นได้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งเมื่อแปะเสร็จเราก็สามารถถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานได้ หากเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง
2. ไขควงวัดไฟ
สำหรับทดสอบระบบไฟฟ้าตามรูปลั๊กต่าง ๆ ภายในบ้านว่าสามารถใช้งานได้จริง สำหรับใครที่ไม่สะดวก สามารถเลือกใช้สายชาร์จแบตมือถือแทนได้เช่นกัน
3. ลูกแก้ว
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องใช้ลูกแก้วตรวจคอนโด แต่นี่คือหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญสำหรับการทดสอบความลาดเอียงของพื้นห้อง
4. เหรียญ
ไว้ใช้สำหรับเคาะพื้นหรือกระเบื้อง เพื่อตรวจเช็กว่าช่างได้ปูกระเบื้องได้ตามมาตรฐานหรือไม่ เป็นโพรงหรือกลวง หากแผ่นกระเบื้องส่งเสียงก้อง ๆ และกลวง ๆ แสดงว่าปูนอาจไม่เต็มหน้ากระเบื้อง ซึ่งอาจส่งผลให้แตกเสียหายได้ง่ายกว่าปกติ
5. กล้องถ่ายรูป
แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องถ่ายรูปร่องรอยความเสียหายที่ต้องการให้ซ่อมแซมทั้งหมดเอาไว้ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและแจ้งทางโครงการได้อย่างแม่นยำ ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องใช้กล้องใหญ่แต่อย่างใด เพียงแค่กล้องมือถือก็เพียงพอแล้ว
เช็กลิสต์สำคัญ จุดที่ต้องดูให้ดีขณะตรวจคอนโด
เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมทั้งหมดแล้ว ต่อมาก็ถึงเวลาที่จะเข้าตรวจคอนโด จะมีจุดไหนที่ต้องใส่ใจบ้างนั้น มาดูกันเลย
1. ประตู–ลูกบิด-บานพับ
ตรวจสอบว่าประตูเปิดปิดได้ปกติ ลูกบิดไม่มีอาการฝืดหรือเอียง และไม่ควรมีเสียงดังเวลาเปิดปิด และให้สังเกตดูว่าบานพับ มีรอยเปิดออกหรือไม่เรียบสนิทไปกับประตูหรือไม่
2. หน้าต่าง
เช็กกลอนหน้าต่างให้ดีว่าลงล็อก ใช้งานได้ปกติ ไม่มีอาการฝืดใดๆ ส่วนหน้าต่างจุดไหนที่เป็นบานเลื่อน ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าปิดสนิท ไม่ตกรางหรือติด ๆ ขัด ๆ
3. พื้นห้องและบัวพื้น
ใช้ลูกแก้วเพื่อตรวจสอบความลาดเอียง หากวางลูกแก้วกลิ้งไปยังทิศใดทิศหนึ่ง นั่นแปลว่าพื้นห้องนั้นเอียง แต่ถ้าลูกแก้วกลิ้งแล้วหยุด ณ จุดใดจุดหนึ่ง แสดงว่าพื้นห้องของอาจมีหลุมหรือมีการยุบตัว และต้องไม่ลืมที่จะเช็กบัวพื้น ซึ่งส่วนใหญ่มักพบปัญหารอยเปิด รอยแยกของบัวพื้นออกจากตัวผนัง
สำหรับพื้นคอนโดที่เป็นกระเบื้องให้ใช้เหรียญเคาะเพื่อเช็กว่าปูนนั้นเต็มแผ่นหรือไม่ นอกจากนี้ แนะนำให้เดินย่ำไปทุกตารางเมตรของห้องอย่างละเอียด ทั้งตรงกลางและริมขอบห้อง เพื่อตรวจหาการยุบตัว
4. ระเบียงห้อง
โดยส่วนใหญ่ ระเบียงห้องคอนโดมักไม่มีปัญหามากนัก แต่ส่วนสำคัญที่ต้องตรวจสอบคือ ราวกั้นที่ควรแจ้งเปลี่ยนทันทีหาก ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่สูงกว่าที่ควรจะเป็น (ความสูงควรอยู่ระดับเอวขึ้นไป) อีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นได้คือ พื้นไม่ลาดเอียง น้ำไม่ลงสู่ท่อระบายน้ำ ซึ่งควรแจ้งซ่อมแซมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
5. ผนัง
เช็กหารอยแตกร้าวของปูน หรือรอยปริของสีตั้งแต่จุดต่ำสุดไปจนถึงจุดด้านบนสูง นอกจากนี้ควรตรวจสอบด้วยว่าผนังมีรอยรั่วซึมหรือไม่ โดยเฉพาะห้องน้ำที่มักมีท่อติดตั้งภายในผนัง
6. สีและวอลเปเปอร์ภายในห้อง
ตรวจดูความเรียบร้อยของงานทาสี ต้องไม่มีการหลุดลอก หรือในกรณีที่โครงการแถมวอลเปเปอร์ ควรตรวจเช็กความเรียบของงานติดตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความชื้นสะสมใต้วอลเปเปอร์ที่อาจเป็นปัญหาในอนาคต
7. เพดาน
เป็นหนึ่งจุดที่หลายคนมองข้าม ควรตรวจสอบให้ดีว่าไม่มีคราบสกปรกหรือคราบน้ำที่เกิดจากการรั่วซึม หากมีควรแจ้งแก้ไขทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้
8. ระบบน้ำ
จุดนี้รวมตั้งแต่ ก๊อกน้ำ สุขภัณฑ์ สายฉีด ฝักบัว ซิงค์ล้างจาน ควรเช็กดูว่าน้ำไหลได้ปกติ ไม่มีรอยแตกร้าวหรือรั่วซึม ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นต้องติดตั้งสายดิน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
9. ระบบไฟฟ้า
เช็กให้แน่ใจว่าไฟทุกดวงเปิดได้ และปิดสนิท ความสว่างต้องพอดี ในส่วนของเต้าเสียบหรือปลั๊กไฟ ให้ลองเช็กด้วยไขควงวัดไฟหรือเสียบที่ชาร์จแบตมือถือว่ามีไฟฟ้าไหลเข้าหรือไม่
10. เฟอร์นิเจอร์ Built-in และเครื่องใช้ไฟฟ้า
โครงการคอนโดหลาย ๆ โครงการอาจแถมเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ มาให้ เช่น ชั้นวางทีวี ตู้เสื้อผ้า หรือเครื่องระบายอากาศ เครื่องปรับอากาศ ควรเช็กให้แน่ชัดว่าเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้สมบูรณ์เรียบร้อย ไม่มีความเสียหายหรือชำรุด
ทั้งหมดนี้เป็นลิสต์จุดสำคัญที่ต้องเช็กให้ดีในการตรวจคอนโด แต่หากเกิดไม่แน่ใจหรือไม่มั่นใจที่จะตรวจรับคอนโดด้วยตัวเองก็สามารถจ้างบริษัทตรวจคอนโดมาดูแลแทนได้เช่นกัน
เลือกบริษัทตรวจคอนโดอย่างไรดี ?
บริษัทตรวจคอนโด หรือตรวจบ้าน คือ เหล่าช่างมืออาชีพที่มีความรู้ในด้านวิศวกรรม มาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับตรวจสอบ Defect ต่าง ๆ จึงสามารถทำการตรวจเช็กห้องคอนโดได้อย่างละเอียด อีกทั้งยังมีทักษะความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้าง สามารถค้นหาจุดบกพร่องได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมีการรายงานถึงจุดบกพร่องต่าง ๆ ช่วยให้ประสานงานกับช่างในโครงการได้ง่ายขึ้น ช่วยลดภาระและความกังวลได้เป็นปลิดทิ้ง เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเจ้าของคอนโดมือใหม่เลยทีเดียว
รับตรวจบ้าน ตรวจคอนโด นึกถึง Mr.Home Inspector
Mr.Home Inspector รับให้บริการตรวจบ้าน ตรวจคอนโด อย่างละเอียดทุกจุด โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์การทำงานก่อสร้างอาคารกว่า 5 ปี พร้อมรายงานอ่านเข้าใจง่าย มั่นใจในคุณภาพ รับมอบบ้านและคอนโดที่สมบูรณ์ครบ แบบสบายใจหายห่วง
- ประสบการณ์ตรวจกว่า 10,000 ยูนิต – เราให้บริการตรวจรับบ้านทั่วประเทศไทยมากกว่า 15 ปี
- วิศวกรมืออาชีพ – ตรวจบ้านและคอนโด โดยวิศวกรที่มีใบอนุญาตและมีประสบการณ์สูง
- เครื่องมือตรวจสอบทันสมัย – ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทันสมัยในการตรวจสอบทุกจุด
สอบถามราคาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 086-507-8885
LINE OA: @mr.homeinspector
อีเมล: Mr.Homeinspector99@gmail.com